สถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งมีสถานะเทียบเท่าคณะและอยู่ภายใต้การบริหารของสำนักงานอธิการบดี เป็นหน่วยงานที่สนับสนุนการเรียนการสอน การบริการสุขภาพชั้นสูงและผลิตงานวิจัยเพื่อตอบสนองต่อปัญหาสุขภาพของประชาชน  ในวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2545 สถาบันได้เปิดบริการการผ่าตัดเป็นครั้งแรก ดังนั้นจึงเริ่มมีการดำเนินงานบริการทางวิสัญญีขึ้น สำหรับการผ่าตัดหัวใจแบบเปิด (Open heart surgery) ต่อมาสถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยนเรศวร ในวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2548 โดยมีมติให้ใช้ชื่อเป็น "โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร" และในการประชุมสภามหาวิทยาลัยนเรศวร ในวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2548 มีมติให้รวมสถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยนเรศวร เข้าเป็นส่วนหนึ่งของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวรตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2548 เป็นต้นไป เพื่อดำเนินการเป็นโรงพยาบาลหลักสำหรับการเรียนการสอนนิสิตแพทย์ระดับชั้นคลินิก (ชั้นปี 4-6) ต่อมาการประชุมสภามหาวิทยาลัยเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2548 มีมติให้คณะแพทยศาสตร์จัดตั้งภาควิชาต่าง ๆ ขึ้นหนึ่งในนั้นคือ ภาควิชาวิสัญญีวิทยา

โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์สุรชาติ พจนสุภาวรรณ เป็นหัวหน้าภาควิชาท่านแรกในการดำเนินการบริหารตั้งแต่ พ.ศ.2548-2554

และมีหัวหน้าภาควิชาดำเนินการบริหารในลำดับถัดมา ดังนี้

แพทย์หญิงนาตยา พิพัฒน์สัตยานุวงศ์ ตั้งแต่ พ.ศ.2554-2556

ผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์รัฐพล แสงรุ้ง ตั้งแต่ พ.ศ.2556 -2559

ผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์สุรชาติ พจนสุภาวรรณ์ พฤศจิกายน 2559 -2565

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ แพทย์หญิงอินทิพร โฆษิตานุฤทธิ์ ตุลาคม 2565 - ปัจจุบน

ปัจจุบันภาควิชามีอาจารย์แพทย์ทั้งหมด 12  ท่าน กำลังอยู่ระหว่างการลาศึกษาต่อ 2 ท่าน แพทย์ 4 ท่าน และมีเลขานุการภาควิชา 1 ท่านเป็นผู้ช่วยในการบริหารงาน โดยมีที่ทำการทั้งหมด 2 แห่งคือ ห้องผ่าตัด ชั้น 2 และคลินิกระงับปวด ชั้น 2 อาคารสิรินธร โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร คณะแพทยศาสตร์

ภาระกิจหลักของภาควิชามีส่วนร่วมในการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตทั้งในระดับชั้นปรีคลินิกและชั้นคลินิก บริการสุขภาพด้านการระงับความรู้สึกสำหรับการผ่าตัด ผลิตผลงานวิจัยและให้บริการวิชาการเพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ในการชี้นำการพัฒนาสังคม

การพัฒนางานบริการของภาควิชามีขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 ได้เปิดบริการคลินิกระงับปวด ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น คลินิกระงับปวดและบริบาลการุณย์ (Pain Relief and Palliative Clinic) เพื่อให้การดูแลผู้ป่วยที่มีปัญหาอาการปวดเฉียบพลัน ปวดเรื้อรัง ปวดจากเหตุพยาธิสภาพประสาทและปวดจากโรคมะเร็ง รวมถึงการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองและการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย นอกจากนี้ ภาควิชาได้สร้างผลงานความก้าวหน้าด้านการระงับความรู้สึกหรับการผ่าตัดหัวใจ หลอดเลือดใหญ่และทรวงอก การผ่าตัดในเด็ก การผ่าตัดผู้ป่วยโรคระบบประสาทและการระงับปวดหลังการผ่าตัด โดยมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขาประกอบกับเครื่องมือทางการแพทย์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย ปัจจุบันได้ขยายงานบริการเพื่อสนับสนุนการบริการระงับความรู้สึกนอกห้องผ่าตัด ได้แก่ การระงับความรู้สึกสำหรับการทำหัตถการในห้องปฏิบัติการสวนหัวใจและหลอดเลือด ห้องปฏิบัติการรังสีร่วมรักษา ห้องตรวจวินิจฉัยด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและห้องตรวจวินิจฉัยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เป็นต้น

ตลอดระยะเวลาของการดำเนินงาน ภาควิชาวิสัญญีวิทยา มีความโดดเด่นในด้านการบริการทางวิชาการให้กับบุคลากรทางการแพทย์โดยเฉพาะในเขตภาคเหนือตอนล่าง มีการจัดกิจกรรมบรรยายวิชาการและการประชุมเชิงปฏิบัติการด้านวิสัญญีวิทยาหลากหลายหัวข้อที่ทันสมัย ร่วมกับการสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันกับทีมวิสัญญีระดับภาคเหนือตอนล่าง เพื่อเสริมทักษะการเรียนรู้และสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาระบบบริการทางสุขภาพให้กับประชาชนได้เป็นอย่างดี

ในวาระครบรอบ 20 ปี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร  ภาควิชาวิสัญญีวิทยา ได้วางแผนการพัฒนางานอย่างต่อเนื่องเพื่อผลักดันให้เป็นโรงเรียนแพทย์สร้างเสริมสุขภาพชั้นนำระดับประเทศ จึงได้กำหนดแนวทางการบริหารงานภาควิชาให้เป็นภาควิชาที่ สามารถบูรณาการระบบงานวิสัญญีกับการสร้างเสริมสุขภาพ ภายใต้การดำเนินงานตามพันธกิจ โดยการปรับรูปแบบการจัดการเรียนการสอนนิสิตแพทย์แบบบูรณาการร่วมกับภาควิชาต่างๆและแทรกแนวคิดเชิงการป้องกันปัญหาทางสุขภาพ อาทิเช่น ภาวะโรคอ้วนกับปัญหาในการระงับความรู้สึกและการดูแลหลังการผ่าตัด ภัยของการสูบบุหรี่กับปัญหาในการระงับความรู้สึกและการดูแลหลังการผ่าตัด ปัญหาของความปวดเรื้อรังและแนวทางการบำบัดความปวด และการดูแลบำบัดความปวดในผู้ป่วยมะเร็งให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต เป็นต้น สำหรับงานบริการวิชาชีพภาควิชามีแผนในการขยายงานบริการคลินิกให้คำปรึกษาด้านการระงับความรู้สึกก่อนการผ่าตัด (Preoperative Anesthesia Consultation Clinic) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการวางแผนการดูแลผู้ป่วยก่อนการผ่าตัดให้มีความพร้อมและมีความปลอดภัย โดยการวางแผนร่วมกันกับทีมแพทย์ผ่าตัดและแพทย์สาขาอายุรกรรมในการดูแลผู้ป่วยร่วมกัน นอกจากนี้ภาควิชามีแผนจัดการบริการวิชาการและการวิจัยในรูปแบบสหสาขาวิชาชีพเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันพร้อมกับสนับสนุนเพิ่มศักยภาพให้กับอาจารย์แพทย์ทุกท่านได้มีโอกาสพัฒนาความรู้ความสามารถทางวิชาการทั้งในและต่างประเทศ เพื่อที่จะได้นำความรู้มาพัฒนาระบบการจัดการเรียนการสอนของนิสิตแพทย์ พัฒนาระบบบริการสุขภาพ พัฒนาระบบงานบริการทางวิชาการและพัฒนางานวิจัย เพื่อเพิ่มคุณค่าของผลงานที่สามารถนำไปสู่การพัฒนาและชี้นำสังคมต่อไป

“ผลิตบัณฑิตคุณภาพ บริการทางการแพทย์ตามมาตรฐานสากล งานวิจัยเพื่อสุขภาวะที่ดี”

ผลิตบัณฑิตแพทย์ แพทย์ประจำบ้าน ให้บริการทางการแพทย์ตามมาตรฐานสากล สร้างเสริมงานวิจัยและประยุกต์ใช้ตอบสนองความต้องการของชุมชน และประเทศชาติ

ค่านิยม PROUD ของคณะแพทยศาสตร์

P    Professionalism มืออาชีพ

R    Remarkability   ที่โดดเด่น

O   Opportunility  เห็นโอกาสพัฒนา

U   Utilization  ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า

D   Diversity  เคารพในความหลากหลายของบุคลากรที่เราภูมิใจ

เลขที่ 99 หมู่ 9 ถนนพิษณุโลก-นครสวรรค์ ตำบลท่าโพธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก 65000

พันธกิจด้านการฝึกอบรมของหลักสูตรการฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านเพื่อวุฒิบัตรแสดงความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาวิสัญญีวิทยา มหาวิทยาลัยนเรศวร

“ผลิตวิสัญญีแพทย์ที่มีคุณภาพและคุณธรรมตามมาตรฐานสากล ตอบสนองความต้องการของชุมชน สังคมและระบบสุขภาพ”

ผลสัมฤทธิ์ของหลักสูตร

แพทย์ที่จบหลักสูตรแพทย์เฉพาะทางสาขาวิสัญญีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ต้องมีคุณสมบัติและความรู้ความสามารถขั้นต่ำตามสมรรถนะหลัก (competency) ทั้ง 6 ด้าน ดังนี้

1. การบริบาลผู้ป่วย (patient care) การบริบาลโดยใช้ผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางบนพื้นฐานของการดูแลแบบองค์รวม คำนึงถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัย รวมทั้งสามารถปฏิบัติงานในทักษะต่อไปนี้ได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องมีการกำกับดูแล

  1.1 มีทักษะในการดูแลด้านวิสัญญีวิทยาในระยะก่อน ระหว่าง และหลังผ่าตัด รวมทั้งภาวะแทรกซ้อนจากการระงับความรู้สึก

  1.2 มีทักษะในการระงับความรู้สึกแบบทั่วไป เฉพาะส่วน และ เฝ้าระวังระหว่างการระงับความรู้สึกสำหรับหัตถการต่าง ๆ และในผู้ป่วยประเภทต่างๆ

  1.3 มีทักษะในการจัดการทางเดินหายใจ (airway management)

  1.4 มีทักษะในการช่วยชีวิตผู้ป่วยขั้นสูง (advance cardiac life support)

  1.5 มีทักษะในการดูแลและรักษาผู้ป่วยวิกฤตในระยะก่อน ระหว่าง และหลังผ่าตัด (perioperative critical care)

  1.6 มีทักษะในการจัดการความปวดเฉียบพลันและความปวดเรื้อรัง (acute and chronic pain management)

2. ความรู้และทักษะหัตถการเวชกรรม (medical knowledge and procedural skills) สามารถทำเวชปฏิบัติได้อย่างครอบคลุมและเหมาะสมกับบริบทของสาขาวิชาที่เข้ารับการฝึกอบรม

  2.1 ประยุกต์ความรู้วิทยาศาสตร์การแพทย์พื้นฐานและวิทยาศาสตร์คลินิกที่เกี่ยวข้องกับวิสัญญีวิทยา

  2.2 มีความรู้ความสามารถในเวชปฏิบัติสาขาวิสัญญีวิทยา

3. ทักษะระหว่างบุคคลและการสื่อสาร (interpersonal and communication skills)

  3.1 นำเสนอข้อมูลผู้ป่วย และอภิปรายปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ

  3.2 ถ่ายทอดความรู้และทักษะ ให้แพทย์ นักศึกษาแพทย์ และบุคลากรทางการแพทย์

  3.3 สื่อสารให้ข้อมูลแก่ญาติ และผู้ป่วย ได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ โดยมีเมตตาเคารพการตัดสินใจและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์

  3.4 มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ทำงานกับผู้ร่วมงานทุกระดับอย่างมีประสิทธิภาพ

  3.5 เป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำแก่แพทย์และบุคลากรอื่น โดยเฉพาะทางวิสัญญีวิทยา

4. การเรียนรู้และการพัฒนาจากฐานการปฏิบัติ (practice-based learning and improvement) โดยสามารถปฏิบัติงานด้านวิสัญญีวิทยาแบบสหวิชาชีพหรือเป็นทีมได้

  4.1 เรียนรู้และเพิ่มประสบการณ์ได้ด้วยตนเองจากการปฏิบัติงานและการดูแลผู้ป่วย โดยประเมินความสามารถของตนเอง และนำมาพัฒนาเวชปฏิบัติ

  4.2 ดำเนินการวิจัยทางการแพทย์และสาธารณสุขได้

  4.3 วิพากษ์บทความและงานวิจัยทางการแพทย์ และสามารถนำมาประยุกต์

5. ความสามารถในการทำงานตามหลักวิชาชีพนิยม (professionalism)

  5.1 มีคุณธรรม จริยธรรม และเจตคติอันดีต่อผู้ป่วย ญาติ ผู้ร่วมงาน เพื่อนร่วมวิชาชีพและชุมชน

  5.2 มีทักษะด้านที่ไม่ใช่เทคนิค (non-technical skills) และสามารถบริหารจัดการสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องได้เหมาะสม

  5.3 มีความเป็นผู้เรียนรู้ตลอดชีวิต (continuing medical education) หรือการพัฒนาวิชาชีพต่อเนื่อง (continuing professional development)

  5.4 มีความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย

  5.5 คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวม

6. การทำเวชปฏิบัติให้สอดคล้องกับระบบสุขภาพ (system-based practice)

  6.1 มีความรู้เกี่ยวกับระบบสุขภาพของประเทศ

  6.2 มีความรู้และมีส่วนร่วมในระบบพัฒนาคุณภาพการดูแลรักษาผู้ป่วย

  6.3 ใช้ทรัพยากรสุขภาพอย่างเหมาะสม (cost consciousness medicine) และสามารถปรับเปลี่ยนการดูแลรักษาผู้ป่วยให้เข้ากับบริบทของการบริการสาธารณสุขได้ตามมาตรฐานวิชาชีพ