|
การดำเนินการผลิตบัณฑิตแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวรร่วมกับสถาบันร่วมผลิต สังกัดกระทรวงสาธารณสุขเพื่อรองรับนโยบายการแก้ปัญหาการขาดแคลนแพทย์ภูมิภาค และจากการศึกษาความเป็นไปได้ ถึงความเหมาะสมของการจัดตั้งคณะแพทยศาสตร์ขึ้นใหม่ในมหาวิทยาลัยภูมิภาค เพื่อสนองนโยบายรัฐบาลในการผลิตแพทย์เพิ่มและกระจายแพทย์ลงสู่ส่วนภูมิภาค |
จากแนวทางดังกล่าว มหาวิทยาลัยนเรศวรได้เสนอความเห็นเกี่ยวกับการจัดตั้ง คณะแพทยศาสตร์ต่อทบวงมหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2536 โดยมุ่งหวังที่จะผลิตแพทย์สนองนโยบายรัฐบาลโดยแนวทางที่จะใช้ทรัพยากรร่วมกับโรงพยาบาลในสังกัดของกระทรวงสาธารณสุขในจังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดภาคเหนือตอนล่างรวม 9 จังหวัด (พิษณุโลก นครสวรรค์ ตาก กำแพงเพชร สุโขทัย อุทัยธานี พิจิตร เพชรบูรณ์ และอุตรดิตถ์) และจังหวัดพะเยา ให้เกิดประโยชน์สูงสุด |
|
คณะรัฐมนตรี มีมติ เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2537 ให้มีการจัดตั้งคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร หลังจากนั้น มหาวิทยาลัยนเรศวร สามารถเปิดรับนิสิตแพทย์ ตั้งแต่ปีการศึกษา 2538 เป็นต้นมา โดย หลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้รับการรับรองจากแพทยสภา เมื่อ พ.ศ. 2539 |
|
|
หลังจากได้รับการรับรองหลักสูตรจากแพทยสภาแล้ว คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวรได้จัดรูปแบบการจัดการเรียนการสอน โดยมหาวิทยาลัยนเรศวรรับผิดชอบการจัดการเรียนการสอนชั้นก่อนคลินิก (ชั้นก่อนคลินิกระดับชั้นปีที่ 1 นิสิตแพทย์ ได้เรียนร่วมกับนิสิต คณะวิทยาศาสตร์ และคณะทางสังคมศาสตร์ ระดับชั้นปีที่ 2 – 3 เรียนวิชาในชั้นก่อนคลินิกที่จัดการเรียนการสอน โดยคณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ คณะเภสัชศาสตร์ ในส่วนคณะแพทยศาสตร์รับผิดชอบในการสอนวิชาพยาธิวิทยา และเวชศาสตร์ชุมชน ครอบครัว และอาชีวเวชศาสตร์) สำหรับชั้นคลินิกใช้โรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุขเป็นสถานที่สอนชั้นคลินิก คือ โรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก ซึ่งมีการลงนามความร่วมมือการผลิตแพทย์ระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและมหาวิทยาลัยนเรศวร ปี พ.ศ. 2537 |
|
|
|
ในปี พ.ศ. 2537 คณะรัฐมนตรี ยังมีมติเห็นชอบให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมมือกับทบวงมหาวิทยาลัยจัดทำ "โครงการร่วมผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบท" ขึ้น โดยเริ่มรับนิสิตตั้งแต่ ปี 2538 เป็นต้นมา (ปีการศึกษา 2538 รับนิสิตแพทย์ จำนวน 34 คน, ปีการศึกษา 2539 รับนิสิตแพทย์ จำนวน 28 คน) และเพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพ และบรรลุเป้าหมายตามวัตถุประสงค์ ในปี 2540 กระทรวงสาธารณสุขจึงจัดตั้ง "สำนักงานบริหารโครงการร่วมผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อ ชาวชนบท" เพื่อรับผิดชอบโครงการดังกล่าว สำนักงานนี้มีฐานะเทียบเท่ากองในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ใช้ชื่อย่อว่า สบพช. มีเป้าหมายผลิตแพทย์เพื่อชาวชนบท จำนวน 3,000 คน ในระหว่างปี 2538 – 2549 |
มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้ดำเนินการผลิตแพทย์ตามโครงการร่วมผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบท ในปี 2540 รับนิสิตแพทย์โดยร่วมผลิตกับโรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก จำนวน 61 คน และต่อมาในปี 2542 ได้ขยายการเรียนการสอนชั้นคลินิกโดยร่วมผลิตกับโรงพยาบาลศูนย์อุตรดิตถ์ รับนิสิตแพทย์ จำนวน 30 คน รวมเป็นผลิตปีละประมาณ 90 คน ตั้งแต่ปีการศึกษา 2542 เป็นต้นมา |
สถาบัน
การผลิต |
2538 |
2539 |
2540 |
2541 |
2542 |
2543 |
2544 |
2545 |
2546 |
2547 |
2548 |
2549 |
รวม |
รพ.พุทธชินราช/
ม.นเรศวร |
34 |
28 |
61 |
61 |
58 |
52 |
59 |
58 |
60 |
60 |
60 |
60 |
651 |
รพ.อุตรดิตถ์/ม.นเรศวร |
- |
- |
- |
- |
30 |
30 |
30 |
30 |
27 |
30 |
30 |
30 |
237 |
|
|
|
สรุป: โดยหลักการ เรื่อง การดำเนินการเพื่อผลิตบัณฑิตแพทย์ตามนโยบายของรัฐบาล |
ด้วยเหตุผลที่ต้องดำเนินการร่วมผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบท ระหว่าง มหาวิทยาลัยนเรศวร กับ กระทรวงสาธารณสุข เนื่องจาก |
1. เป็นไปตามโครงการขยายการผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบท ของโครงการร่วมผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบท (สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 และภายใต้การกำกับของสำนักงานบริหารโครงการร่วมผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบท (สบพช.) ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2540 |
2. เพื่อตอบสนองความต้องการเพิ่มการผลิตแพทย์และการกระจายแพทย์ของประเทศ ด้วยแนวคิดที่ต้องการขยายโอกาสทางการศึกษาแก่คนในพื้นที่ ภาคเหนือตอนล่าง และบางส่วนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อให้ได้กลับไปทำงานตามภูมิลำเนาเดิม |
3. เพื่อประโยชน์สูงสุดของการใช้ทรัพยากรร่วมกัน และเกิดการพัฒนาในทุกภาคส่วนตามโครงการความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยนเรศวรกับกระทรวงสาธารณสุข |
ในปี 2544 บัณฑิตแพทย์รุ่นแรก จากมหาวิทยาลัยนเรศวร สำเร็จการศึกษาและปฏิบัติงาน ในระบบบริการสาธารณสุขของประเทศไทย ได้มีการศึกษาวิจัยเพื่อประเมินบัณฑิตแพทย์ที่จบจาก มหาวิทยาลัยนเรศวร เรื่อง รูปแบบและคุณภาพการผลิต เป็นการวิจัยเชิงสำรวจโดยการส่งแบบสอบถามไปถึงบุคคล 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มอาจารย์ผู้สอน กลุ่มสถาบันผู้ใช้ผลผลิตบัณฑิตแพทย์ และบัณฑิตแพทย์ที่จบไปปฏิบัติงานแล้ว โดยใช้เกณฑ์พิจารณาคุณลักษณะของแพทย์ 5 ดาว ดังนี้ 1. การเป็นผู้ให้การบริบาล 2. เป็นผู้ตัดสินใจ 3. เป็นผู้สื่อสาร 4. เป็นผู้นำชุมชน และ 5. เป็นผู้จัดการ |
สรุปผลการวิจัยพบว่า บัณฑิตแพทย์จากมหาวิทยาลัยนเรศวรมีคุณภาพทัดเทียมกับมหาวิทยาลัยอื่นแม้จะใช้โรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นสถาบันชั้นคลินิก การทำให้รูปแบบนี้มีความยั่งยืนต้องอาศัยการพัฒนาอย่างต่อเนื่องหลายประการ ได้แก่ การพัฒนาหลักสูตรอย่างต่อเนื่อง การประกันคุณภาพการศึกษา รวมทั้งการพัฒนาบริการเฉพาะทางของสถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์สุขภาพของมหาวิทยาลัยนเรศวร (ศุภสิทธิ์ พรรณารุโณทัย และคณะ, 2546) |
|
การเตรียมความพร้อมเพื่อปรับปรุงและพัฒนาในระยะเวลาที่ผ่านมา |
1. เนื่องจากจำนวนนิสิตที่เพิ่มมากขึ้นจึงต้องพัฒนาในทุกส่วน โดยเฉพาะด้านการเรียน การสอน ในระยะเริ่มต้นต้องพัฒนาระดับชั้นปรีคลินิก ซึ่งคณะแพทยศาสตร์และคณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ร่วมมือกันพัฒนามาโดยตลอด |
2. ความพร้อมของแหล่งฝึกและการพัฒนาด้านแพทยศาสตรศึกษาของศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิก |
3. ด้านคุณภาพการเรียนการสอน ได้พัฒนารูปแบบการเรียนการสอนร่วมกันระหว่างคณะแพทยศาสตร์และสถาบันร่วมผลิต |
4. ด้านการประกันคุณภาพการศึกษา ได้มีการประเมิน คุณภาพของนิสิต บัณฑิต รวมถึงการให้ความสำคัญกับการประกันคุณภาพการศึกษาในองค์ประกอบอื่น ๆ |
ในปี พ.ศ. 2545 คณะแพทยศาสตร์ได้ดำเนินการเปิดสอนนิสิตหลักสูตรสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต ภาคปกติ (แผน ก.) และภาคพิเศษ (แผน ข.) เพื่อขยายโอกาสทางการศึกษาให้แก่บุคลากรสาธารณสุขและบุคลากรทั่วไป ได้แสวงหาความรู้และประสบการณ์เพิ่มเติม และเป็นการตอบสนองการบริการด้านสาธารณสุขให้เหมาะสมกับท้องถิ่นต่อไป ยิ่งกว่านั้น คณะแพทยศาสตร์ ยังได้เปิดหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิทยาศาสตร์การแพทย์คลินิก ในปี 2543 และหลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิตสาขาเวชศาสตร์ครอบครัว ในปี 2544 อีกทั้งปรัชญาดุษฎีบัณฑิตหลักสูตรระบบและนโยบายสุขภาพ (หลักสูตรนานาชาติ) ในปี 2545 ซึ่งเป็นสาขาขาดแคลนเพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐและกระทรวงสาธารณสุขตามความต้องการของชุมชนอีกด้วย |
ปีการศึกษา 2546 คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เปิดรับนิสิตแพทย์แนวใหม่ 30 คน โดยรับจากบุคลากรสังกัดกระทรวงสาธารณสุขเพื่อให้โอกาสผู้สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี สาขาวิชาวิทยาศาสตร์หรือสาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ ที่มีประสบการณ์ในการทำงานเกี่ยวกับการสาธารณสุข เข้าศึกษาต่อในหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต ซึ่งเป็นหลักสูตรที่มีระยะเวลาเวลาศึกษา 5 ปี (เทียบโอนหน่วยกิตในชั้นปีที่ 1) และศึกษาตามหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต เหมือนกับนิสิตแพทย์ปกติทุกประการ และจะขยายการรับนิสิตแพทย์แนวใหม่เพิ่มขึ้นตามความจำเป็นของการผลิตแพทย์เพิ่มให้กับประเทศ |
ในปี พ.ศ. 2546 สภามหาวิทยาลัยนเรศวร ได้มีมติเห็นชอบให้จัดตั้งคณะสาธารณสุขศาสตร์ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2546 เป็นต้นไป ดังนั้นคณะแพทยศาสตร์ จึงได้มีการปรับเปลี่ยนการจัดการเรียนการสอนและโครงสร้างการบริหารงานใหม่อีกครั้ง ประกอบด้วย สำนักงานเลขานุการคณะฯ ภาควิชา 2 ภาควิชา ได้แก่ ภาควิชาพยาธิวิทยาและนิติเวชศาสตร์ และภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชนครอบครัวและอาชีวเวชศาสตร์ (ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชนเดิม) โดยร่วมผลิตบัณฑิตแพทย์กับโรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก, โรงพยาบาลอุตรดิตถ์ และในระยะคลินิกของนิสิตแพทย์แนวใหม่จะขยายไปเรียนที่ โรงพยาบาลเครือข่าย 3 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลพิจิตร, โรงพยาบาลแพร่ และโรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ในปี พ.ศ. 2548 เป็นต้นไป |
ในปี 2548 มหาวิทยาลัยนเรศวร มีมติให้คณะแพทยศาสตร์ รวมสถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์สุขภาพเข้าเป็นส่วนหนึ่งของคณะแพทยศาสตร์ อันเนื่องมาจากโครงการเร่งรัดผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบท ซึ่งนิสิตจะต้องเข้าเรียนในชั้นปีที่ 4-6 ที่สถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยนเรศวร ทางแพทยสภาได้จัดส่งผู้แทนมาพิจารณาความพร้อมด้านสถานที่ ได้ให้คำแนะนำในการปรับโครงสร้างคณะแพทยศาสตร์ให้สามารถรองรับการบริหารและการจัดการเรียนการสอนแพทย์ให้มีคุณภาพได้มาตรฐานเช่นโรงเรียนแพทย์อื่น ๆ ทั้งในและต่างประเทศ |
ปัจจุบันคณะแพทยศาสตร์ มีหลักสูตรที่รับผิดชอบอยู่ทั้งสิ้น 5 หลักสูตร คือ |
1. หลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต
2. หลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตทางวิทยาศาสตร์การแพทย์คลินิก สาขาเวชศาสตร์ครอบครัว
3. หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเวชศาสตร์ครอบครัว
4. หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาแพทยศาสตรศึกษา
5. ปรัชญาดุษฎีบัณฑิตหลักสูตรระบบและนโยบายสุขภาพ(หลักสูตรนานาชาติ) |
ซึ่งคณะแพทยศาสตร์ มีแผนการพัฒนาหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต และหลักสูตรอื่น ๆ ให้ทันสมัยและมีเอกลักษณ์ อยู่เสมอมา |